สงสัยกันไหมว่าในภาวะสงครามนั้น มีการกำหนดกฎหมายหรือหลักการระหว่างประเทศที่ทุกประเทศต้องปฏิบัติตามหรือไม่? คำตอบคือ “ใช่”! แม้ในช่วงเวลาของสงคราม คู่กรณีทั้งสองฝ่ายยังคงต้องดำเนินการตามหลักมนุษยธรรม เพื่อลดผลกระทบจากสงคราม และคุ้มครองพลเมืองและผู้บริสุทธิ์จากความรุนแรงที่เกิดขึ้น
แต่กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศนั้นมีลักษณะอย่างไร? เกิดขึ้นมาได้อย่างไร? มาร่วมเรียนรู้ไปกับการ์ตูนสิทธิมนุษยชนตอนใหม่ที่พูดถึงเรื่อง “มนุษยธรรมระหว่างประเทศ” เพื่อเพิ่มความเข้าใจในเรื่องนี้กัน!
หลักมนุษยธรรมเกิดขึ้นเมื่อ เฮนรี่ ดูว์น็อง ซึ่งเป็นนักธุรกิจและนักช่วยเหลือเพื่อนมุนษย์ชาวสวิส ได้เห็นการสูญเสียและการทรมานในสงคราม “The Battle of Solferino” เกิดขึ้นในวันที่ 24 มิถุนายน 1859 จึงได้มีการเขียนหนังสือ “A Souvenir of Solferino” เพื่อเรียกร้องให้การมาตราการดูแลทหารที่บาดเจ็บในภาวะสงคราม
แนวคิดของเฮนรี่ ดูว์น็องได้ถูกตอบรับจนกระทั่งได้มีการก่อตั้งคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ International Committee of the Red Cross (ICRC) ขึ้นมา และได้นำไปสู่การออกอนุสัญญาเจนีวาฉบับแรก (first Geneva Convention) ในปี 1864 ซึ่งมีหลักการสำคัญคือ
- การช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บโดยไม่เลือกสัญชาติ
- แพทย์สนามต้องทำงานเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่และช่วยทุกคนที่บาดเจ็บในภาวะสงคราม
- การกำหนดสัญลักษณ์กาชาดเป็นรูปคาดบวกสีแดงบนพื้นสีขาวใช้ในสภาวะสงคราม
ในกลุ่มประเทศอาเซียนมีเพียงประเทศไทยเท่านั้น (ตอนนั้นยังใช้ชื่อสยาม) ที่ลงนามในอนุสัญญานี้ในปี 1895

แม้ว่าจะมีอนุสัญญาเจนีวาฉบับแรกในปี 1864 ก็ตาม การเกิดขึ้นของสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้องค์กร ICRC ได้เห็นถึงความล้มเหลวในการขับเคลื่อนประเด็นมนุษยธรรม ในปี 1945 จึงได้ผลักดันให้รัฐบาลทั่วโลกหลักการมนุษยธรรมให้เป็นกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
ซึ่งกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศนั้นคือการรวมกันของอนุสัญญาด้านมนุษยธรรม 4 ฉบับด้วยกัน
- อนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 1 ข้อตกลงการดูแลทหารที่บาดเจ็บในสงคราม
- อนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 2 ข้อตกลงการดูแลทหารที่บาดเจ็บในการสู้รบทางทะเล
- อนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 3 ข้อตกลงในปฏิบัติต่อนักโทษสงคราม
- อนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 4 ข้อตกลงในการคุ้มครองประชาชนในภาวะสงคราม
การลงนามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศคือต้องยอมรับอนุสัญญาด้านมนุษยธรรม ”ทั้งหมด” 4 ฉบับ

ใครควรได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ?
กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศได้มีหลักการสำคัญที่ถูกระบุชัดเจนถึงผู้ที่ควรได้รับการคุ้มครองภายใต้สภาวะสงคราม รวมถึงพฤติการณ์ไม่ควรกระทำในภาวะสงคราม ได้แก่
- ผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมสู้รบ เช่น พลเรือน
- ผู้ที่ไม่สามารถทำงานสู้รบได้อีก เช่น ทหารที่บาดเจ็บ เชลยที่ถูกจับและทหารที่ยอมวางอาวุธ
- ห้ามพุ่งเป้าโจมตีพลเรือน หากละเมิดจะเข้าข่ายละเมิดอาชญากรสงคราม
- รับรองสิทธิพลเมืองที่ต้องได้รับการคุ้มครองจากภัยสงคราม หลี่กเลี่ยงการทำลายหรือการสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินของพลเรือน
- รับรองสิทธิในการรักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้ป่วย
- ห้ามมุ่งโจมตีบุคลากรทางการแพทย์ที่ดำเนินงานด้านมนุษยธรรม
- ห้ามกระทำการทรมาน ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แก่เชลยศึก
- เชลยศึกหรือผู้ถูกคุมขังต้องได้รับอาหารและสามารถติดต่อญาติได้
- จำกัดวิธีการ รูปแบบสงครามเพื่อหลี่กเลี่ยงผลเสียในวงกว้างที่ไม่อาจะควบคุมได้
- ห้ามกระทำการข่มขืนหรืออนาจารในรูปแบบใดๆ โดยเด็ดขาด
นอกจากกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศแล้ว ยังมีอนุสัญญาอื่นๆอีกมากที่เกี่ยวข้องกับสงคราม ที่เกิดขึ้นและพัฒนาตามยุคสมัย กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศทั้งสี่ฉบับนี้ถือเป็นหลักพื้นฐานของการเกิดขึ้นของหลักมนุษยธรรมทั่วโลก นำไปสู่อนุสัญญาใหม่ๆเพื่อมุ่งรักษาชีวิตเพื่อนมนุษย์ในสภาวะสงคราม

ความร่วมมือและการทำงานด้านมนุษยธรรมได้ถูกขยายไปยังการก่อตั้งองค์กรใหม่ๆ รวมถึงระดับประเทศในภูมิภาคในอาเซียนด้วย
ในปี 1991 ได้มีการจัดตั้งองค์กรสหประชาชาติเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรม หรือ The Coordinator of Humanitarian Affairs (OHCA) ผ่านข้อตกลงสมัชชาใหญ่ฉบับที่ 46/182 (General Assembly Resolution 46/182) เพื่อสนับสนุนงานช่วยเหลือประสานงานด้านมนุษยธรรมแก่เพื่อนมนุษย์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน
OHCA ได้วางหลักการพื้นฐานทางมนุษยธรรมสี่ข้อหลักๆด้วยกัน คือ
- หลักการทำงานบนพื้นฐานความเป็นมนุษย์
- หลักการทำงานบนพื้นฐานการทำงานไม่เลือกฝ่าย
- หลักการทำงานบนพื้นฐานความเสมอภาค
- หลักการทำงานบนพื้นฐานของความเป็นอิสระ
หากเรามามองการทำงานด้านมนุษยธรรมในภูมิภาคอาเซียน อาเซียนได้มีการก่อตั้งองค์กรระหว่างรัฐบาลอาเซียนเพื่อทำงานด้านมนุษยธรรมในภูมิภาค หรือ The ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance on Disaster Management (AHA Center) เมื่อปี 2011
ในระดับรัฐบาลของอาเซียนก็ได้มีการจัดตั้งองค์กาชาดระดับประเทศขึ้นมา โดยใช้ชื่อสภากาชาด และสมาคมเสี้ยววงเดือนแดง
นอกจากนี้ยังมีองค์กรที่ทำงานเพื่อไว้แสวงผลกำไรทั่วโลกอีกนับไม่ถ้วน ที่ทำงานคอยช่วยเหลือสนับสนุนงานภารกิจด้านมนุษยธรรม

สถานการณ์ภาพรวมด้านมนุษยธรรมในอาเซียน พบว่ายังคงมีปัญหาอีกมาก ปัญหาใหญ่ที่ส่งผลแก่ปัญหาด้านมนุษยธรรมมากที่สุดคือปัญหาการสู้รบทางอาวุธในพม่า โดยชนกลุ่มน้อยและประชาชนหลายคนไม่สามารถเข้าถึงการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมได้ ส่งผลให้เกิดการอพยพย้ายถิ่นและลี้ภัยสู่ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ โดยองค์กรอื่นๆจะสามารถเข้ามาทำงานช่วยเหลือได้เมื่อรัฐบาลแต่ละประเทศอนุญาตให้เข้ามาทำงานได้เท่านั้น
*ข้อมูลเมื่อปี 2022

โดยบทสรุปแล้ว
หลักมนุษยธรรมคือหลักการที่มีไว้เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในทุกสภาวะที่ยากลำบากในทันที โดยที่ต้องไม่เลือกปฏิบัติและเป็นอิสระไม่ถูกขัดขวางจากสถาบันทางสังคมอื่นๆ
โดยหลักและกฎหมายมนุษยธรรมสากลมีการริเริ่มได้ปี 1864 จากแนวคิดการช่วยเหลือทหารในสงครามกลายเป็นกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law: IHL) ในปี 1949 โดยภายหลังได้ถูกขยายแนวคิดครอบคลุมถึงการช่วยเหลือผู้คนจากภัยพิบัติและทุกสภาวะที่ยากลำบากของมนุษย์
หลักการมนุษยธรรมสากลยังถือเป็นหลักจารีตประเพณีระหว่างประเทศ ที่ทุกประเทศจะต้องนำไปปฏิบัติแม้ว่าประเทศนั้นจะไม่ลงนามในอนุสัญญาก็ตาม
