การ์ตูนสิทธิมนุษยชน ตอนที่ 4 “คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน”

การ์ตูนสิทธิมนุษยชน ตอนที่ 4 “คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน”

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า “กสม” หรือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนบ้าง แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ถึงหลักการพื้นฐานและที่มาของ กสม และเหตุผลของการตั้งสถาบันสิทธิมนุษยชนในประเทศ

โดยคำนิยามของ GANHRI (Global Alliance of National Human Rights Institutions) สถาบันสิทธิมนุษยชนจะต้องทำหน้าที่สำคัญในการรณรงค์และคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแก่ทุกคนภายใต้อธิปไตยของประเทศนั้น สถาบันสิทธิฯควรถูกก่อตั้งโดยถูกรับรองจากรัฐธรรมนูญและรัฐบาล โดยมีอำนาจในการทำงานตรวจสอบและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนแก่คนทุกคน  สถาบันสิทธิฯควรจะได้รับงบประมาณที่เหมาะสมจากรัฐในการทำงาน และควรมีความเป็นอิสระในการทำงาน ไม่ควรถูกครอบงำโดยอำนาจของรัฐหรืออำนาจใดๆ บทบาทหนึ่งที่สำคัญคือการที่มีอำนาจในการนำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนแก่รัฐบาลในประเทศนั้นๆ และสถาบันสิทธิฯควรยึดถือหลักการสิทธิฯสากลเพื่อพัฒนาให้ประเทศเหล่านี้มีการพัฒนาด้านสิทธิฯให้เป็นไปตามหลักการสากล

ตามหลักการสากล “ทุกประเทศ” ควรมีสถาบันสิทธิมนุษยชนเพื่อคอยทำหน้าที่ตรวจสอบและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในตอนนี้ขอเชิญทุกคนมาร่วมเรียนรู้ด้วยกันถึงกลไกสิทธิมนุษยชนระดับชาติ ถึงที่มา บทบาทและความสำคัญของสถาบันสิทธิมนุษยชนด้วยกัน

#NHRI #NHRCT #PEF #humanrights

หลักการการก่อตั้งสถาบันสิทธิมนุษยชนในระดับประเทศนั้นจริงๆ เป็นหลักการสากลที่มาจากที่ประชุมในเวทีของสหประชาชาติ ซึ่งถูกพูดถึงครั้งแรกในปี 1946 โดยมีข้อเสนอจาก สภาเศรษฐกิจและสังคมของสหประชาชาติได้เสนอให้แต่ละรัฐบาลก่อตั้งสถาบันสิทธิมนุษยชนระดับประเทศ เพื่อทำงานรณรงค์และคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในแต่ละประเทศ ซึ่งข้อเสนอนี้มีการก่อนการเกิดขึ้นของปฏิญญาสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ 2 ปี

จากนั้นใช้เวลาอีกหลายปีจนถึงปี 1978 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ได้ผลักดันประเด็นนี้อีกครั้งในที่ประชุมใหญ่ของสหประชาชาติ (General Assembly) อีกครั้ง

จนในปี 1991 ได้เกิดการฝึกอบรมครั้งแรกเกี่ยวกับการจัดตั้งสถาบันสิทธิมนุษยชนระดับประเทศ ในประเทศฝรั่งเศส จึงเกิดหลักการพื้นฐานของสถาบันสิทธิมนุษยชนขึ้น เรียกว่า “หลักการปารีส” (Paris Principle) ซึ่งสถาบันสิทธิฯในทุกประเทศจำเป็นต้องยึดตามหลักการปารีสนี้ เป็นคุณลักษณะพื้นฐานของสถาบันสิทธิมนุษยชนในทุกประเทศ

ในปี 1993 ได้มีการก่อตั้งองค์กรสากลที่คอยตรวจสอบสถานการณ์ทำงานของสถาบันสิทธิฯระดับชาติทั่วโลก (ตอนนั้นใช้ชื่อว่า the International Coordinating Committee of the National Institute: ICC) ซึ่งในภายหลังในปี 2016 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Global Alliance of National Human Rights Institutions (GANHRI) โดยมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนสถาบันสิทธิฯในทุกประเทศ และให้การรับรองสถานะของสถาบันสิทธิฯในแต่ละประเทศว่าเป็นไปตามหลักการปารีสหรือไม่

TIP: ประเทศแรกที่ตั้งสถาบันสิทธิมนุษยชนได้แก่ ออสแตเรีย ซึ่งก่อตั้งในปี 1970 ซึ่งต่อมาประเทศนิวซีแลนด์และฟิลิปปินส์ได้ก่อตั้งตามมา  

หลักการปารีส (Paris Principle) ถือเป็นหลักการสำคัญพื้นฐานของสถาบันสิทธิมนุษยชนระดับชาติ โดยรัฐบาลทุกรัฐจะต้องให้บทบาทและอำนาจพื้นฐานในการทำงานด้านสิทธิมนุษยชนดังนี้

1. มีเป้าหมาย ในการทำงานรณรงค์และคุ้มครองสิทธิมนุษยชน

2. มีอำนาจและหน้าที่ ในการให้ข้อเสนอแนะและติดตามสถานการณ์สิทธิฯที่ถูกร้องเรียน รวมถึงการให้การศึกษาสิทธิมนุษยชน

3. มีความเป็นอิสระจากรัฐบาล สถาบันสิทธิฯต้องมีอิสระจากรัฐ โดยต้องถูกรับรองโดยกฎหมายและรัฐธรรมนูญ

4. มีความหลากหลาย คณะกรรมการสิทธิฯควรประกอบด้วยตัวแทนที่มาจากความหลากหลายทางสังคม

5. มีอำนาจในการตรวจสอบ ต้องอำนาจในการตรวจสอบและสามารถเข้าถึงเอกสาร หลักฐานต่างๆในการตรวจสอบ

6. มีทรัพยากรที่เพียงพอและเหมาะสม ต้องได้รับเงินสนับสนุน เจ้าหน้าที่ ในการทำงานด้านมนุษยชนอย่างเพียงพอและเหมาะสมในการดำเนินงาน

7. มีความร่วมมือ ต้องทำงานร่วมกับสถาบันด้านสิทธิฯประเทศอื่นๆ รวมถึงองค์กรภาคประชาสังคม

8. ร่วมมือกับกลไกระหว่างประเทศ ต้องทำงานร่วมกับกลไกสิทธิฯระหว่างประเทศระดับสากลและภูมิภาค  

GANHRI จะมีบทบาทในการประเมินตามหลักเกณฑ์สถาบันสิทธิฯในแต่ละประเทศ ตามหลักการปารีส โดยแบ่งเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่

  • สถานะ A – สถาบันสิทธิฯที่ทำงานตามหลักการปารีส
  • สถานะ B – สถาบันสิทธิฯที่ทำงานตามหลักการปารีสได้เพียงบางส่วน
  • สถานะ C –  สถาบันสิทธิฯที่ไม่ได้ทำงานตามหลักการปารีส

อย่างไรก็ดีสถาบันสิทธิฯระดับประเทศนั้น ต้องมีการทำงานร่วมกันในระดับภูมิภาคจนถึงระดับสากลโลกด้วย ในแต่ละภูมิภาคได้มีการสร้างรูปแบบการทำงานระหว่างภูมิภาคเพื่อประชุมและหารือในประเด็นสิทธิฯ ระหว่างภูมิภาค โดยแบ่งเป็น 4 ภูมิภาคได้แก่

  • The Network of African National Human Rights Institutions มีสมาชิกร่วม 33 ประเทศ
  • The Network of National Institutions for the Promotion and Protection of Human Rights in the Americas มีสมาชิกร่วม 18 ประเทศ
  • The Asia-Pacific Forum of National Human Rights Institutions มีสมาชิกร่วม 28 ประเทศ
  • The European Group of National Institutions for the Promotion and Protection of Human Rights มีสมาชิกร่วม 37 ประเทศ

ปัจจุบันในภูมิภาคอาเซียนมีสมาบันสิทธิมนุษยชนแค่เพียง 5 ประเทศเท่านั้น ได้แก่ พม่า ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและมาเลเซีย

ในส่วนของสถาบันสิทธิมนุษยชนของไทยนั้น ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2004 และมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “คณะกรรมการสถาบันสิทธิมนุษยชนประเทศไทย: กสม” (The National Human Rights Commission Thailand: NHRCT) โดย กสม ของไทยคณะปัจจุบันนั้นได้ถูกรับรองโดยรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 246 และ 247 และได้มี พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พรป) ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งประชาติ 2560 ประกอบคู่กันอีกฉบับ ซึ่งมีอำนาจในการกำหนดบทบาทของ กสม ไทยในปัจจุบัน

โดย พรป ว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งประชาติ 2560 ได้กำหนดกระบวนการคัดสรร กสม ซึ่งมาจากการแต่งตั้งทีมคัดสรรและต้องได้รับการรับรองโดยวุฒิสภา (สว)

กสม ของไทยเคยถูกลดสถานะให้เป็น B ครั้งหนึ่งในปี 2015 และได้กลับมาเลื่อนสถานะเป็น A อีกครั้งในปี 2022

ตามรัฐธรรมนูญ 2560 กสม มีจำนวนคณะกรรมการ 7 คน ในปี 2563 มีงบประมาณในการทำงาน 222 ล้านบาท และมีเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 276 คน รวมถึงปัจจุบันมีศูนย์ประสานงานทั่วประเทศไทย 12 ศูนย์

กล่าวโดยสรุป สถาบันสิทธิมนุษยชนนั้นเป็นหลักการสากลในการผลักดันและสนับสนุนให้สมาชิกของยูเอ็นมีการก่อตั้งสถาบันสิทธิฯในประเทศ โดยควรยืนอยู่บนหลักการปารีส (Paris Principle) ที่ยึดถือเป็นหลักการพื้นฐานของสถาบันสิทธิฯ เพื่อทำงานสนับสนุนและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนภายใต้ขอบเขตอำนาจของรัฐบาลไทย และต้องมีความเป็นอิสระจากรัฐบาล

การทำงานของสถาบันสิทธิฯเหล่านี้ จะถูกทบทวนและตรวจสอบโดย Global Alliance of National Human Rights Institutions (GANHRI) ซึ่งจะทำงานคอยตรวจสอบว่าสถาบันสิทธิฯเหล่านี้ทำงานตามหลักการปารีสหรือไม่ และคอยกำหนดให้การรับรองสถานะคุณของสถาบันสิทธิฯในแต่ละประเทศ

ในอาเซียนปัจจุบันมีสถาบันสิทธิฯเพียงห้าประเทศเท่านั้น ได้แก่ เมียนม่า ไทย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและมาเลเซีย ซึ่งมีเพียงประเทศเมียนม่าเท่านั้นที่มีสถานะ B

RELATED POSTS

Fight to Decriminalization on Sex Work in Thailand & the Systemic Corruption

“We are not wrong. It is the law that is... read more

Fact-Finding Humanitarian Report

"1,000 - 3,000 is the number of people who have... read more

Open Joint Statement of Condemnation against Min Aung Hlaing’s Act of Using Aung San Suu Kyi as Human Shield from Attacks by Ethnic Military Forces (Thai language inside)

25 Organizations and 44 Individuals signed joint-statement of Condemnation against... read more

ใครคอร์รัปมากกว่ากัน?

ใครคอร์รัปมากกว่ากัน? คำถามนี้คงเป็นคำถามที่ตอบได้ยาก เพราะปัญหาคอร์รัปชั่นนั้นอยู่คู่กับสังคมไทยมาโดยตลอด ทุกสถาบันในสังคมไทยล้วนมีประวัติที่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชั่นทั้งนั้น แต่การคอร์รัปชั่นจะส่งผลเลวร้ายที่สุดเมื่อผู้มีอำนาจสูงสุดของรัฐเป็นผู้ทำการคอร์รัป คำถามต่อมาที่สำคัญก็คือรัฐบาลประเภทไหนที่คอร์รัปมากกว่ากัน ในบทความนี้จะเป็นผลสรุปของการศึกษาการคอร์รัปชั่นของรัฐบาลโดยเปรียบเทียบผลลัพธ์ระหว่างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งและรัฐบาลเผด็จการที่ได้อำนาจมาจากการรัฐประหาร “การเสียชีวิตของจอมพล สู่การเปิดเผยคอร์รัปชั่น” การเสียชีวิตของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชในปี 1963 ได้นำไปสู่การเปิดเผยทรัพย์สินที่ถูกถือครองอยู่จำนวน... read more

การ์ตูนสิทธิมนุษยชน ตอนที่ 4 “คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน”

การ์ตูนสิทธิมนุษยชน ตอนที่ 4 “คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน” หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่า “กสม” หรือคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนบ้าง แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ถึงหลักการพื้นฐานและที่มาของ กสม และเหตุผลของการตั้งสถาบันสิทธิมนุษยชนในประเทศ โดยคำนิยามของ GANHRI... read more

Recommendations from “Closed Door Workshop on Advancing the Thai-Foreign Policy on Ethnic Groups Along the Thai-Myanmar Border”

Recommendations from “Closed Door Workshop on Advancing the Thai-Foreign Policy... read more

Human Rights Cartoon, Chapter 3 “AICHR, Inter-ASEAN Commission on Human Rights”

Get to know AICHR (ASEAN Intergovernmental Commission on Human Rights),... read more

รากเหง้าปัญหาคอร์รัปชั่นของประเทศไทย

ปัญหาคอร์รัปชั่นเป็นปัญหาที่มักจะได้ยินมาโดยตลอดคู่ขนานกับบริบทการเมืองของไทยทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าในรัฐสภา ตามสื่อ หรือในหลายครั้งนั้นปัญหาคอร์รัปชั่นมักถูกอ้างให้นำไปสู่การรัฐประหารหรือยึดอำนาจ ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะทำความเข้าใจปัญหาบริบทคอร์รัปชั่น การเข้าใจปัญหาคอร์รัปชั่นของไทย จึงจำเป็นจะต้องย้อนไปเข้าใจถึงประวัติศาสตร์ที่มาของรากเหง้าทางวัฒนธรรมของไทย โดยผลการศึกษาหลายฉบับได้อธิบายว่าปรากฏการณ์คอร์รัปชั่นของประเทศไทยแท้จริงแล้วเกิดมาจากรากเหง้าของระบบอุปภัมภ์ ในช่วงของระบอบศักดินา (Feudal System)... read more