Others – People’s Empowerment Foundation https://pefthailand.org We believes a world where democracy and human rights are achieved for all, and local communities are respected and included in policy-making processes. Thu, 06 Feb 2025 06:24:46 +0000 en-US hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.7.2 https://pefthailand.org/wp-content/uploads/2023/07/Logo-3-85x85.png Others – People’s Empowerment Foundation https://pefthailand.org 32 32 การ์ตูนสิทธิมนุษยชนตอน “กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Laws)” https://pefthailand.org/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%95%e0%b8%b9%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b8%b4%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%a9%e0%b8%a2%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%99/ https://pefthailand.org/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%95%e0%b8%b9%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b8%b4%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%a9%e0%b8%a2%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%99/#respond Thu, 06 Feb 2025 06:24:43 +0000 https://pefthailand.org/?p=9248 สงสัยกันไหมว่าในภาวะสงครามนั้น มีการกำหนดกฎหมายหรือหลักการระหว่างประเทศที่ทุกประเทศต้องปฏิบัติตามหรือไม่? คำตอบคือ “ใช่”! แม้ในช่วงเวลาของสงคราม คู่กรณีทั้งสองฝ่ายยังคงต้องดำเนินการตามหลักมนุษยธรรม เพื่อลดผลกระทบจากสงคราม และคุ้มครองพลเมืองและผู้บริสุทธิ์จากความรุนแรงที่เกิดขึ้น

แต่กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศนั้นมีลักษณะอย่างไร? เกิดขึ้นมาได้อย่างไร? มาร่วมเรียนรู้ไปกับการ์ตูนสิทธิมนุษยชนตอนใหม่ที่พูดถึงเรื่อง “มนุษยธรรมระหว่างประเทศ” เพื่อเพิ่มความเข้าใจในเรื่องนี้กัน!

หลักมนุษยธรรมเกิดขึ้นเมื่อ เฮนรี่ ดูว์น็อง ซึ่งเป็นนักธุรกิจและนักช่วยเหลือเพื่อนมุนษย์ชาวสวิส ได้เห็นการสูญเสียและการทรมานในสงคราม “The Battle of Solferino” เกิดขึ้นในวันที่ 24 มิถุนายน 1859 จึงได้มีการเขียนหนังสือ “A Souvenir of Solferino” เพื่อเรียกร้องให้การมาตราการดูแลทหารที่บาดเจ็บในภาวะสงคราม 

แนวคิดของเฮนรี่ ดูว์น็องได้ถูกตอบรับจนกระทั่งได้มีการก่อตั้งคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ International Committee of the Red Cross (ICRC) ขึ้นมา และได้นำไปสู่การออกอนุสัญญาเจนีวาฉบับแรก (first Geneva Convention) ในปี 1864 ซึ่งมีหลักการสำคัญคือ 

  • การช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บโดยไม่เลือกสัญชาติ
  • แพทย์สนามต้องทำงานเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่และช่วยทุกคนที่บาดเจ็บในภาวะสงคราม
  • การกำหนดสัญลักษณ์กาชาดเป็นรูปคาดบวกสีแดงบนพื้นสีขาวใช้ในสภาวะสงคราม

ในกลุ่มประเทศอาเซียนมีเพียงประเทศไทยเท่านั้น (ตอนนั้นยังใช้ชื่อสยาม) ที่ลงนามในอนุสัญญานี้ในปี 1895 

แม้ว่าจะมีอนุสัญญาเจนีวาฉบับแรกในปี 1864 ก็ตาม การเกิดขึ้นของสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้องค์กร ICRC ได้เห็นถึงความล้มเหลวในการขับเคลื่อนประเด็นมนุษยธรรม ในปี 1945 จึงได้ผลักดันให้รัฐบาลทั่วโลกหลักการมนุษยธรรมให้เป็นกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ  

ซึ่งกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศนั้นคือการรวมกันของอนุสัญญาด้านมนุษยธรรม 4 ฉบับด้วยกัน

  1. อนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 1 ข้อตกลงการดูแลทหารที่บาดเจ็บในสงคราม
  2. อนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 2 ข้อตกลงการดูแลทหารที่บาดเจ็บในการสู้รบทางทะเล
  3. อนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 3 ข้อตกลงในปฏิบัติต่อนักโทษสงคราม
  4. อนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 4 ข้อตกลงในการคุ้มครองประชาชนในภาวะสงคราม 

การลงนามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศคือต้องยอมรับอนุสัญญาด้านมนุษยธรรม ”ทั้งหมด” 4 ฉบับ

ใครควรได้รับการคุ้มครองภายใต้กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ? 

กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศได้มีหลักการสำคัญที่ถูกระบุชัดเจนถึงผู้ที่ควรได้รับการคุ้มครองภายใต้สภาวะสงคราม รวมถึงพฤติการณ์ไม่ควรกระทำในภาวะสงคราม ได้แก่

  • ผู้ที่ไม่ได้เข้าร่วมสู้รบ เช่น พลเรือน
  • ผู้ที่ไม่สามารถทำงานสู้รบได้อีก เช่น ทหารที่บาดเจ็บ เชลยที่ถูกจับและทหารที่ยอมวางอาวุธ
  • ห้ามพุ่งเป้าโจมตีพลเรือน หากละเมิดจะเข้าข่ายละเมิดอาชญากรสงคราม
  • รับรองสิทธิพลเมืองที่ต้องได้รับการคุ้มครองจากภัยสงคราม หลี่กเลี่ยงการทำลายหรือการสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินของพลเรือน
  • รับรองสิทธิในการรักษาพยาบาลผู้ได้รับบาดเจ็บและผู้ป่วย
  • ห้ามมุ่งโจมตีบุคลากรทางการแพทย์ที่ดำเนินงานด้านมนุษยธรรม
  • ห้ามกระทำการทรมาน ทำลายศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์แก่เชลยศึก
  • เชลยศึกหรือผู้ถูกคุมขังต้องได้รับอาหารและสามารถติดต่อญาติได้
  • จำกัดวิธีการ รูปแบบสงครามเพื่อหลี่กเลี่ยงผลเสียในวงกว้างที่ไม่อาจะควบคุมได้
  • ห้ามกระทำการข่มขืนหรืออนาจารในรูปแบบใดๆ โดยเด็ดขาด 

นอกจากกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศแล้ว ยังมีอนุสัญญาอื่นๆอีกมากที่เกี่ยวข้องกับสงคราม ที่เกิดขึ้นและพัฒนาตามยุคสมัย กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศทั้งสี่ฉบับนี้ถือเป็นหลักพื้นฐานของการเกิดขึ้นของหลักมนุษยธรรมทั่วโลก นำไปสู่อนุสัญญาใหม่ๆเพื่อมุ่งรักษาชีวิตเพื่อนมนุษย์ในสภาวะสงคราม

ความร่วมมือและการทำงานด้านมนุษยธรรมได้ถูกขยายไปยังการก่อตั้งองค์กรใหม่ๆ รวมถึงระดับประเทศในภูมิภาคในอาเซียนด้วย

ในปี 1991 ได้มีการจัดตั้งองค์กรสหประชาชาติเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรม หรือ The Coordinator of Humanitarian Affairs (OHCA) ผ่านข้อตกลงสมัชชาใหญ่ฉบับที่ 46/182 (General Assembly Resolution 46/182) เพื่อสนับสนุนงานช่วยเหลือประสานงานด้านมนุษยธรรมแก่เพื่อนมนุษย์ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

OHCA ได้วางหลักการพื้นฐานทางมนุษยธรรมสี่ข้อหลักๆด้วยกัน คือ

  • หลักการทำงานบนพื้นฐานความเป็นมนุษย์
  • หลักการทำงานบนพื้นฐานการทำงานไม่เลือกฝ่าย
  • หลักการทำงานบนพื้นฐานความเสมอภาค
  • หลักการทำงานบนพื้นฐานของความเป็นอิสระ 

หากเรามามองการทำงานด้านมนุษยธรรมในภูมิภาคอาเซียน อาเซียนได้มีการก่อตั้งองค์กรระหว่างรัฐบาลอาเซียนเพื่อทำงานด้านมนุษยธรรมในภูมิภาค หรือ The ASEAN Coordinating Centre for Humanitarian Assistance on Disaster Management (AHA Center) เมื่อปี 2011 

ในระดับรัฐบาลของอาเซียนก็ได้มีการจัดตั้งองค์กาชาดระดับประเทศขึ้นมา โดยใช้ชื่อสภากาชาด และสมาคมเสี้ยววงเดือนแดง 

นอกจากนี้ยังมีองค์กรที่ทำงานเพื่อไว้แสวงผลกำไรทั่วโลกอีกนับไม่ถ้วน ที่ทำงานคอยช่วยเหลือสนับสนุนงานภารกิจด้านมนุษยธรรม 

สถานการณ์ภาพรวมด้านมนุษยธรรมในอาเซียน พบว่ายังคงมีปัญหาอีกมาก ปัญหาใหญ่ที่ส่งผลแก่ปัญหาด้านมนุษยธรรมมากที่สุดคือปัญหาการสู้รบทางอาวุธในพม่า โดยชนกลุ่มน้อยและประชาชนหลายคนไม่สามารถเข้าถึงการช่วยเหลือทางมนุษยธรรมได้ ส่งผลให้เกิดการอพยพย้ายถิ่นและลี้ภัยสู่ประเทศไทยและประเทศอื่นๆ โดยองค์กรอื่นๆจะสามารถเข้ามาทำงานช่วยเหลือได้เมื่อรัฐบาลแต่ละประเทศอนุญาตให้เข้ามาทำงานได้เท่านั้น

*ข้อมูลเมื่อปี 2022

โดยบทสรุปแล้ว 

หลักมนุษยธรรมคือหลักการที่มีไว้เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ในทุกสภาวะที่ยากลำบากในทันที โดยที่ต้องไม่เลือกปฏิบัติและเป็นอิสระไม่ถูกขัดขวางจากสถาบันทางสังคมอื่นๆ 

โดยหลักและกฎหมายมนุษยธรรมสากลมีการริเริ่มได้ปี 1864 จากแนวคิดการช่วยเหลือทหารในสงครามกลายเป็นกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law: IHL) ในปี 1949 โดยภายหลังได้ถูกขยายแนวคิดครอบคลุมถึงการช่วยเหลือผู้คนจากภัยพิบัติและทุกสภาวะที่ยากลำบากของมนุษย์ 

หลักการมนุษยธรรมสากลยังถือเป็นหลักจารีตประเพณีระหว่างประเทศ ที่ทุกประเทศจะต้องนำไปปฏิบัติแม้ว่าประเทศนั้นจะไม่ลงนามในอนุสัญญาก็ตาม

]]>
https://pefthailand.org/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%95%e0%b8%b9%e0%b8%99%e0%b8%aa%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b8%b4%e0%b8%a1%e0%b8%99%e0%b8%b8%e0%b8%a9%e0%b8%a2%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b8%95%e0%b8%ad%e0%b8%99/feed/ 0
ทำความเข้าใจคอร์รัปชันในอาเซียน ฉบับรวบรัด 101 “คอร์รัปชันคืออะไร ?” https://pefthailand.org/%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%88%e0%b8%84%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9b%e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b8%99/ https://pefthailand.org/%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%88%e0%b8%84%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9b%e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b8%99/#respond Mon, 09 Dec 2024 06:08:05 +0000 https://pefthailand.org/?p=9226

ทำความเข้าใจอคอร์รัปชั่นในอาเซียนฉบับรวบรัด 101 “คอร์รัปชั่นคืออะไร?” 

เนื่องในวันที่ 9 ธันวาคมของทุกปีถือเป็นวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากลที่คอยเตือนให้ทุกประเทศในภาคีของสหประชาชาติ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขปรากฎการณ์คอร์รัปชั่นที่เกิดขึ้นทั่วโลก 

เนื่องจากไม่มีคำนิยามสากลของคำว่า “คอร์รัปชั่น” ทำให้คำนี้ถูกตีความและให้ความหมายที่แตกต่างกันในแต่ละบริบทของประเทศ ภูมิศาสตร์ไปจนถึงสถานะทางสังคม ในประเทศไทยคำว่าคอร์รัปชั่นมักถูกพูดถึงในบริบททางการเมือง มักถูกอ้างไว้สำหรับโจมตีและทำลายความน่าเชื่อถือของขั้วตรงข้าม

แต่จริงๆแล้วพวกเรารู้อะไรอีกบ้างเกี่ยวกับการคอร์รัปชั่น? 

มาร่วมเรียนรู้ไปกับพวกเราเกี่ยวกับความเข้าใจคอร์รัปชั่น ทั้งในระดับสากลและภูมิภาคอาเซียนของพวกเรา มีอะไรที่พวกเรารู้และไม่รู้บ้าง ว่าการคอร์รัปชั่นส่งผลอย่างไรกับพวกเราทั้งทางตรงและทางอ้อม

คอร์รัปชั่น ยังไม่มีคำนิยามระดับสากลที่ใช้ร่วมกัน ทำให้แต่ละรัฐบาล องค์กรใหญ่ๆ จึงได้สร้างคำนิยามคอร์รัปชั่นขึ้นมาเอง โดยคำนิยามส่วนมากมีทิศทางที่เป็นไปในลักษณะของการ”ใช้อำนาจโดยไม่ชอบ เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว ที่คนเหล่านั้นไม่สมควรได้” จะมีแตกต่างเพียงนิดหน่อยคือการให้ระดับความสำคัญของบุคคลที่เป็นผู้กระทำ ที่หมายถึง อำนาจสาธารณะ (หรือรัฐ) อย่างเช่นตัวอย่างคำนิยามของธนาคารโลก (World Bank) และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและพัฒนา (OECD) 

หนึ่งในคำนิยามที่มักถูกนำมาใช้บ่อยที่สุดคือคำนิยามโดยองค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International: TI) คือ “การใช้อำนาจที่ได้รับไว้วางใจในทางที่ผิดเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว” 

ในส่วนของประเทศไทยนั้น คำนิยามที่ชัดเจนที่สุดอยู่ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ซึ่งให้ความหมายในลักษณะที่ว่าการคอร์รัปชั่นเป็นการประพฤติโดยมิชอบของบุคคล โดยมุ่งเน้นไปตำแหน่งที่ภายใต้ภาระหน้าที่ของราชการ 

สิ่งที่คำนิยามเหล่านี้ยังตกหล่นไปคือการอธิบายคอร์รัปชั่นในลักษณะที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างทางสังคม โดยส่วนมากจะเน้นไปในการกระทำของบุคคลที่ใช้อำนาจโดยไม่ชอบเพื่อผลประโยชน์ โดยคำนิยามเหล่านี้ยังไม่ได้อธิบายไปถึงสภาพของความเป็นประชาธิปไตยหรือธรรมภิบาล หรือประเด็นการเมือง สังคมและการปกครองในลักษณะอื่นๆ แล้วพวกคุณละให้คำนิยามคอร์รัปชั่นว่าอย่างไร?

ในไทยมักจะเห็นประเด็นคอร์รัปชั่นถูกใช้เมื่อมีการใส่ร้ายทางการเมือง แต่ในความเป็นการคอร์รัปชั่นนั้นส่งผลเสียระยะยาวในหลายมิติและมีผลกระทบโดยตรงและอ้อมถึงทุกคนในสังคม ตั้งแต่ปัญหาสิทธิมนุษยชน สิ่งแวดล้อม ความยากจน ความเป็นละเว้นจากการทำผิด (impunity) ปัญหาความรุนแรงและความขัดแย้งทางอาวุธ  ปัญหาอาชญากรข้ามชาติ และการเกลียดชังเพื่อนมนุษย์ หากมองเผินๆ ก็ดูเหมือนว่าปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกัลบการคอร์รัปชั่นกันเลย แต่หากคิดกันให้ดีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลให้เกิดปัญหาเหล่านี้มักเกิดจากการละเลยหรือการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรมในหลายบริบท ยกตัวอย่างเช่นองค์กรหลอกลวงคอลเซนเตอร์คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ หากรัฐมีการจัดการอย่างจริงจังโดยกฎหมายและอำนาจ อาชญากรข้ามชาติคงไม่สามารถดำเนินธุรกิจสีเทาข้ามชาติได้หากระหว่างหลายๆรัฐบาลร่วมมือกันเพื่อจำกัดองค์กรเหล่านี้ ในกระบวนการยุติธรรมเช่นกัน หากกระบวนเหล่านี้เต็มได้ด้วยความโปร่งใสสามารถนำคนผิดมาลงโทษได้ตามบัญญัติของกฎหมาย สิ่งเหล่านี้จะช่วยลดอาชญากรรมลงได้ 

แล้วพวกคุณละ คิดว่าคอร์รัปชั่นส่งผลเสียแก่ตัวเองและสังคมอย่างไรบ้าง?

อนุสัญญาต่อต้านคอร์รัปชั่น (UNCAC) เป็นอนุสัญญาระหว่างประเทศเพียงฉบับเดียวในโลกที่มีความยึดโยงทางกฎหมายในการต่อต้านการทุจริต ปัจจุบันมีรัฐบาลทั่วโลกร่วมเป็นภาคี 191 ประเทศ (ประเทศในสหประชาชาติทั้งหมดมี 193 ประเทศ) โดยมุ่งเน้นการทำงานหาทางร่วมมือในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชั่นในระดับสากล และมีระบบกลไกตรวจสอบของประเทศสมาชิกที่เรียกว่า “การจัดประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านทุจริต (CoSp)” ซึ่งในกลไกนี้มีเพียงแค่การทำงานระหว่างรัฐบาลเท่านั้น ยังขาดการร่วมมือระหว่างภาคประชาชน ภาคธุรกิจหรือองค์กรอื่นๆ 

อนุสัญญา UNCAC นั่นไม่ได้ให้คำนิยามของคอร์รัปชันไว้อย่างชัดเจน แต่ได้ระบุถึงพฤติการณ์ที่ถือว่าเป็นการคอร์รัปชัน ไว้ในบทที่ 3 ของอนุสัญญา

พฤติการณ์ที่ถือว่าเป็นการคอร์รัปชันที่ถูกระบุไว้ในอนุสัญญานั้นได้แก่:  
1. การให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่รัฐ (มาตรา 15)
2. การให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่องค์กรระหว่างประเทศหรือองค์กรข้ามชาติ (มาตรา 16)
3. การยักยอกเงิน การเบียดบัง หรือการกระทำเพื่อถ่ายเททรัพย์สินโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ (มาตรา 17)
4. การใช้อิทธิพลเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์อันมิชอบ (มาตรา 18) 
5. การปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ (มาตรา 19) 
6. การร่ำรวยโดยผิดกฎหมาย (มาตรา 20) 
7. การให้สินบนในภาคเอกชน (มาตรา 21)
8. การยักยอกทรัพย์สินในภาคเอกชน (มาตรา 22) 
9. การฟอกทรัพย์สินที่ได้มากจากการกระทำความผิดอาญา (มาตรา 23)
10. การปกปิด (มาตรา 24)
11. การขัดขวางกระบวนการยุติธรรม (มาตรา 25) 

เมื่อประเทศภาคีได้ลงนามแล้ว ตามหลักการของอนุสัญญาก็ควรออกกฎหมายเพื่อปกป้องและควบคุมไม่ให้พฤติกรรมเหล่านี้เกิดขึ้น แต่ในเชิงปฏิบัติแม้หลายประเทศพยายามออกกฎหมายห้ามปราบ แต่รูปแบบของการคอร์รัปชันก็สามารถปรับตัวตามสภาพของกฎหมายให้มีลักษณะที่ซับซ้อนและตรวจจับได้ยากขึ้น

พวกคุณคิดว่า การที่จะหยุดพฤติการณ์คอร์รัปชันเหล่านี้ได้ ควรทำอย่างไร ?  

การประเมินผลคอร์รัปชัน

ในความเป็นจริงแล้วการประเมินคอร์รัปชันนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ “ยาก” เพราะพฤติการณ์คอร์รัปชันนั้นมักเป็นกระทำในรูปแบบที่ปกปิดเพื่อให้ตรวจสอบได้ยาก นวัตกรรมการประเมินคอร์รัปชันส่วนมากจึงมักจะประเมินผ่าน “มุมมอง การรับรู้ ความเข้าใจ ความรู้สึก” ต่อความเข้าใจในสถานการณ์สังคมภาพรวมต่อการเกิดคอร์รัปชัน 

องค์กรที่ทำการประเมินคอร์รัปชันในระดับสากลได้แก่ Transparency International (TI) ที่ทำงานประเมินสถานการณ์คอร์รัปชันของรัฐบาลทั่วโลกผ่านการสอบถามความคิดเห็นของประชาชน ผู้เชี่ยวชาญในแต่ละประเทศ เรียกว่า “ดัชนีชี้วัดการรับรู้ด้านทุจริต (Corruption Perceptions Index: CPI)”  ประเทศในอาเซียนส่วนมากมักได้คะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย (นอกจากสิงคโปร์) และก็มีแนวโน้มที่จะไม่สามารถจะยกระดับการแก้ไขคอร์รัปชันได้

ในประเทศไทยเองนั้น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ทำมาตราวัดการรับรู้คอร์รัปชันระดับประเทศขึ้นมาคือ “การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ (Integrity and Transparency Assessment: ITA)” เพื่อประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส่ในหน่วยงานภาครัฐ โดยหากเปรียบเทียบคะแนนระหว่าง CPI และ ITA มีผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน คือคะแนน CPI ที่ประเมินโดยองค์กรนอกประเทศ ประเมินว่าสถานการณ์คอร์รัปชันของไทยคงที่และไม่มีการพัฒนาในทางที่ดีขึ้น แต่คะแนน ITA ที่ประเมินในระดับประเทศของไทย แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์คอร์รัปชันของประเทศไทยดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกปี

พวกคุณคิดอย่างไรกับคะแนนดัชนีรับรู้คอร์รัปชัน คะแนนประเมินอันไหน น่าเชื่อถือกว่ากัน ระหว่าง CPI หรือ ITA?

ในการทำงานต่อต้านคอร์รัปชันระดับภูมิภาคอาเซียน ได้มีความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานของแต่ละรัฐเรียกว่า “หน่วยงานต่อต้านการทุจริตในภูมิภาคอาเซียน (The Southeast Asia Parties Against Corruption: ASEAN-PAC)” โดยแต่ละองค์กรที่ได้รับการมอบหมายจำเป็นจะต้องทำงานระหว่างกันในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาคอร์รัปชันในระดับภูมิภาค โดยมีวัตถุประสงค์ห้าข้อได้แก่

1. เพื่อแลกเปลี่ยนและแบ่งปันข้อมูลและร่วมมือกันในการต่อต้านการทุจริต

2. เพื่อร่วมมือกันในการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะวิชาชีพ

3. เพื่อแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญและบุคลากรในสาขาที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้านการทุจริต

4. เพื่อเป็นเจ้าภาพและเข้าร่วมในการประชุม ฟอรัม การอบรม และการประชุมสัมมนา

5. เพื่อให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคในกิจกรรมปฏิบัติการ

ASEAN-PAC ได้มี MoU ลงนามอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2547 ถือเป็นการเริ่มต้นการทำงานระดับภูมิภาคอาเซียนขึ้นมาเพื่อต่อต้านคอร์รัปชัน อย่างไรก็ตาม การทำงานของ ASEAN-PAC กับถูกมองว่ายังไม่มีความโปร่งใสเท่าที่ควร เพราะประชาชนแทบจะไม่ถามถึงแผนงาน ผลการประชุมของ ASEAN-PAC เลย

แม้ว่าเราจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับคอร์รัปชัน แต่การคอร์รัปชันก็ยังส่งผลถึงพวกเราทุกคนไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม และอย่างที่เห็นได้ชัดว่าบทบาทของรัฐบาลมีความสำคัญมากในการขับเคลื่อนการแก้ไขคอร์รัปชัน บทบาทของทุกคนก็มีความสำคัญไม่แพ้ในการที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านี้ร่วมกัน

สุดท้ายนี้ มาร่วมกันแสดงความคิดเห็นว่า พวกเรามีการรับรู้ปรากฎการณ์คอร์รัปชันแบบไหนกันบ้าง พวกคุณคิดอย่างไรกับคำถามเหล่านี้

  • รัฐบาลมีการบริหารจัดการคอร์รัปชันที่ดีหรือไม่ ?
  • รัฐบาลอาเซียนมีการความโปร่งใส่และธรรมาภิบาลหรือไม่ ?
  • คุณทราบหรือไม่ว่าหน่วยงานต่อต้านการทุจริตในภูมิภาคอาเซียน (ASEAN-PAC)  เค้าพูดคุยอะไรกันบ้าง ?
  • คุณคิดว่ารัฐของคุณจะแก้ไขปัญหาคาสิโน คอลเซ็นเตอร์ออนไลน์ได้หรือไม่ ?
  • คุณเชื่อหรือไม่ว่าระบบศาลในประเทศของคุณมีความยุติธรรม ?
  • คุณว่าระบบรัฐสภาในปัจจุบันจะแก้ปัญหาคอร์รัปชันได้หรือไม่ ?
  • เจ้าหน้าที่รัฐในประเทศของคุณชอบเก็บส่วยขูดรีดหรือไม่ ?
  • คุณเชื่อว่าปัญหาคอร์รัปชันจะสามารถแก้ไขได้หรือไม่ ?
  • คุณคิดว่าการคอร์รัปชันส่งผลถึงประเด็นสิทธิมนุษยชนอย่างไร ?
  • คุณคิดว่าใครคือผู้ได้รับผลประโยชน์จากการคอร์รัปชันมากที่สุด ?
]]>
https://pefthailand.org/%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b9%80%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b9%83%e0%b8%88%e0%b8%84%e0%b8%ad%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9b%e0%b8%8a%e0%b8%b1%e0%b8%99/feed/ 0
People’s Empowerment Foundation Annual Report 2023 https://pefthailand.org/peoples-empowerment-foundation-annual-report-2023/ https://pefthailand.org/peoples-empowerment-foundation-annual-report-2023/#respond Thu, 15 Aug 2024 14:59:39 +0000 https://pefthailand.org/?p=9175

รายงานประจำปี 2023 มูลนิธิศักยภาพชุมชน 

]]>
https://pefthailand.org/peoples-empowerment-foundation-annual-report-2023/feed/ 0